วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 2 ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยว

บทที่ 2

ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้น
ถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

การศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ของการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจและศึกษาเกี่ยวกับธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากมีบทเรียนจากประวัติศาสตร์มากมายที่จะต้องจดจำและสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการท่องเที่ยวในปัจจุบัน
สรุปได้ว่าในสมัยอาณาจักรโรมันการท่องเที่ยวมีทั้งการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แต่การท่องเที่ยวระหว่างประเทศนั้นเป็นการท่องเที่ยวที่ไร้พรมแดนเพราะไม่มีอาณาเขตแบ่งแยกดินแดนว่าเป็นดินแดนของอังกฤษ หรือ ซีเรีย อย่างในปัจจุบัน เพราะอาณาจักรโรมันครอบคลุมไปถึงทั้งหมด ทุกแห้งใช้เงินตราของโรมัน ท้องทะเลปลอดจากพวกโจรสลัด เพราะมีการล่าตระเวนของทหารโรมัน ภาษาละตินก็เป็นภาษาที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในยุคนั้น Itineraria ประกอบด้วยรายชื่อของพักพร้อมทั้งสัญลักษณ์ที่บอกเกรดของที่พักเหล่านั้น ทำนองเดียวกับที่ Michelin Guides ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีข้อที่น่าสังเกต อีกประการหนึ่ง คือ ในสมัยนั้นมีลักษณะขั้นตอนของระเบียบทางราชกาลให้เห็นอยู่เหมือนกัน



การท่องเที่ยวในยุคกลาง

ยุคกลาง คือ ช่วงที่อยู่ระหว่าง คศ.500-1500 หรือเป็นช่วงที่ต่อจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน แต่ก่อนจะเข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ยุคกลางเรียกอีกอย่างว่า ยุคมืด ช่วงเวลาดังกล่าวถนนหนทางถูกปล่อยให้ทรุดโทรมเศรษฐกิจตกต่ำแต่ศาสนจักรโรมันคาทอลิค ยังคงเป็นศูนย์รวมของสังคมและอำนาจการเดินทางมีความลำบากมากขึ้นและอันตรายมากขึ้น ทำให้ผู้คนเดินทางกันในระยะสั้นๆ ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ผลของการเดินทางเพื่อจารึกแสวงบุญมีประเด็นสำคัญที่สำคัญ 3 ประการ คือ
1. มีเป้าหมายของการเดินทางที่เด่นชัดได้แกรแสวงบุญ
2. ผลการเดินทางมีความสำคัญและความหมายทางด้านจิตใจเพราะเป็นเหตุการณ์สำคัญแห่งชีวิต
3. ผู้แสวงหาบุญต้องการให้คนอื่นเห็นถึงความสำเร็จแห่งการเดินทางในรูปของที่ระลึก



แกรนด์ทัวร์

ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาได้เกิดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากเสรีภาพและความต้องการที่จะเรียนรู้ในยุคฟื้นฟูศิลปซิทยาการ ยุคที่มีระยะเวลาประมาณ 300 ปี เริ่มต้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 และสิ้นสุดลงในราวศตวรรษที่ 17 โดยมีอิตาลีเป็นแหล่งกำเนิดและเป็นฉบับให้ประเทศเพื่อนบ้านคือ ฝรั่งเศษ เยอรมัน ยุโรปเหนือและ อังกฤษตามลำดับ
ในปีค.ศ.1749 Dr.Thomas Nugent ได้ตีพิมพ์หนังสือคู่มือการท่องเที่ยวออกมาให้ชื่อว่า The Grand Tour หนังสือเล่มนี้ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษามากขึ้นนักเดินทางใจกล้าบางคนเดินทางไปไกลถึงประเทศอิยิปต์ ภึงแม้ว่าจุดประสงค์ของการเดินทางแบบ Grand Tour




การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่อาบน้ำแร่

การอาบน้ำแร่ หรือ Spa เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วตั้งแต่ยุคโรมันโดยเชื่อกันว่าน้ำแร่มีคุณสมบัติทางยา แต่ความนิยมการไปอาบน้ำแร่ได้ลดลงในยุคหลังๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าความนิยมจะลดลงอย่างสิ้นเชิง เพราะคนที่เจ็บป่วยก็ยังคงเดินทางไปยังเมือง Bath ตลอดช่วงของยุคกลางในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ความนิยมที่จะใช้ในการอาบน้ำแร่เพื่อบำบัดโรคได้ กลับกลายมาเป็นที่นิยมขึ้นใหม่ในประเทศอังกฤษและเมืองใหญ่ๆ บางแห่ง


กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาศชายทะเล

การอาบน้ำทะเลเพิ่งจะเริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษตั้งแต่สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ การอาบน้ำทะเลในสมัยนั้น ผู้ที่อาบทั้งเสือ้ผ้า เพราะการถอดเสื้อผ้าว่ายน้ำขัดกับจารีตในสมัยนั้น การอาบน้ำทะเลเริ่มต้นขึ้นจากเหตุผลทางด้านสุขภาพ และความคิดที่ว่าการอาบน้ำทะเลจะทำให้สุขภาพดีนี้เริ่มเป็นที่ยอมรับในตอนต้นศตววรษที่ 18
Thomas Cook ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการที่เป็นผู้ริเริ่มที่มีความสำคัญที่สุดต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะเริ่มแรก ในปี 1841 ขณะที่ Cook ยังเป็นเลขาธิการของ Midland Temperance Association เขาได้จัดทัวร์พาสมาชิกของสมาคม เดินทางจาก Leicester ไปยัง Loughborough
Thomas Cook เป็นนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยว ความสำเร็จในการดำเนินกิจการของเขาให้เป็นเพราะเขาพยายามที่จะลดปัญหาให้เหลือน้อยที่สุดในการจัดรายการท่องเที่ยว เขาจะมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับบรรดาโรงแรมรถไฟ และบริษัทส่งสินค้าทางเรือต่างๆ ทั่วโลกเพื่อให้ได้บริการต่อลูกค้าอย่างดีที่สุดและในราคาที่ถูกสำหรับบริการของเขส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น